กรมควบคุมโรค เปิดพื้นที่ ต.น้ำดิบ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน เป็นตัวอย่างตำบลควบคุมโรคไข้เลือดออกแบบบูรณาการ จนไม่มีผู้ป่วยในพื้นที่ พร้อมเน้น 5 มาตรการในการควบคุมโรคไข้เลือดออก



นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีความเป็นห่วงสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะโรคที่เกิดบ่อยในช่วงฤดูฝนนี้ เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ โรคฉี่หนู และโรคไข้เลือดออก เป็นต้น และที่สำคัญขณะนี้หลายพื้นที่มีฝนตกประปราย  ทำให้มีแอ่งน้ำขังหรือมีน้ำขังอยู่ตามเศษวัสดุ เศษภาชนะต่างๆ จานรองกระถางต้นไม้ และกาบใบไม้ กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์อย่างดีของยุงลาย อาจทำให้ประชาชนป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกได้ง่าย  กระทรวงสาธารณสุข จึงได้เร่งควบคุมโรคไข้เลือดออกอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด และได้กำชับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ให้เร่งรัดมาตรการปราบยุงลาย 5 ป ได้แก่ ปิดฝาตุ่มน้ำ เปลี่ยนน้ำในภาชนะทุก 7 วัน ปล่อยปลากินลูกน้ำ ปรับปรุงสภาพแวดล้อมและปฏิบัติเป็นประจำ  และขอความร่วมมือภาคีเครือข่ายสุขภาพทั้งภาครัฐและเอกชน อาสาสมัครสาธารณสุข และประชาชน ช่วยกันดำเนินการอย่างพร้อมเพียงกันและถูกวิธี นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้กรมควบคุมโรค ดำเนินการในด้านการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงการรณรงค์ให้ประชาชนทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทุกสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนให้ชุมชนทุกแห่งจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อลดปริมาณยุงลายให้มากที่สุด 

วันนี้(18 กรกฎาคม 2555) ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวภายหลังนำคณะสื่อมวลชนดูงานการควบคุมโรคไข้เลือดออก ว่า สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในประเทศไทยยังน่าเป็นห่วงเพราะในช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง อากาศร้อนสลับฝนตก หลังจากฝนตกก็จะเกิดแอ่งน้ำขังหรือน้ำขังตามภาชนะต่างๆ กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงได้ โดยทั่วไปยุงลายจะวางไข่ตามภาชนะที่มีน้ำใสและนิ่ง  ซึ่งน้ำฝนมักเป็นน้ำที่ยุงลายชอบวางไข่มากที่สุด และช่วงนี้ประชาชนอาจป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกง่ายและมีจำนวนเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุข จึงได้แจ้งแนวทางไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง ดังนี้ 1.ทุกจังหวัดติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากจำเป็นให้เปิดศูนย์ปฏิบัติการในระดับจังหวัดหรือพื้นที่ทันที 2.เร่งรัดการลดจำนวนผู้ป่วยตาย ด้วยการจัดตั้งเครือข่ายให้คำปรึกษาด้านรักษาพยาบาลและส่งต่ออย่างรวดเร็ว และ 3.ตัดวงจรการระบาดของโรค ด้วยการป้องกันควบคุมโรคให้เร็วขึ้น

กระทรวงสาธารณสุข ออกมาตรการในการควบคุมโรคไข้เลือดออก 5 ด้าน ดังนี้ 1.การเฝ้าระวังควบคุมโรคในทันทีที่พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก 2.ป้องกันไม่ให้เกิดโรคซ้ำหรือเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหัวใจสำคัญอยู่ที่ระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน 3.การเข้าถึงบริการต้องเป็นไปอย่างรวดเร็วเพื่อลดการป่วยตาย 4.การสื่อสารความเสี่ยงต้องชัดเจนและทั่วถึง เพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานให้ความสำคัญและเกิดความร่วมมือ และ 5.การร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ  ซึ่งทั้ง 5มาตรการดังกล่าว ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่จากทุกภาคส่วนและประชาชนดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อลดจำนวนการป่วยตายจากโรคไข้เลือดออกของประชาชนในพื้นที่   

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า ในส่วนกรมควบคุมโรค ได้มีมาตรการเข้มข้นในเรื่องนี้ เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคไข้เลือดออกที่อาจจะเกิดขึ้น  โดยกำชับสำนักงานป้องกันควบคุมโรคทั้ง 12 เขตทั่วประเทศ ประสานกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เฝ้าระวังโรคไข้เลือดออกในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว(SRRT) ลงพื้นที่เพื่อควบคุมโรคภายใน 24ชั่วโมง พร้อมสนับสนุนการดำเนินการทุกด้าน เช่น ทีมสอบสวนโรค ทีมปฏิบัติการพ่นสารเคมีกำจัดยุงตัวเต็มวัย ทรายกำจัดลูกน้ำ ยาทากันยุง และสื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนร่วมกันทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทุกสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดยุงลายเพื่อลดปริมาณยุงลายให้มากที่สุด

ด้านนายแพทย์วิชัย สติมัย ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปัจจุบันของไทย พบว่า จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม–12 กรกฎาคม 2555) พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกสะสม จำนวน 21,289 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 33.33 ต่อประชากรแสนคน มีผู้เสียชีวิต จำนวน 24 ราย  เมื่อแยกเป็นรายภาคที่มีจำนวนผู้ป่วยมากที่สุด ได้แก่ ภาคกลาง ผู้ป่วย 8,046 ราย เสียชีวิต 7 ราย รองลงมาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้ป่วย 5,396 ราย เสียชีวิต 7 ราย ภาคใต้ ผู้ป่วย 4,590 ราย เสียชีวิต 5 ราย และภาคเหนือ ผู้ป่วย 3,257 ราย เสียชีวิต 5 ราย ตามลำดับ

ส่วนสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในเขตจังหวัดภาคเหนือตอนบน 8 จังหวัด มีดังนี้ มากที่สุดคือ จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ป่วย 294 ราย รองลงมาจังหวัดแพร่ 251 ราย เชียงราย 243 ราย น่าน 59 ราย ลำปาง 52 ราย พะเยา 50 ราย ลำพูน 13 ราย และจังหวัดแม่ฮ่องสอน 12 ราย รวม 8 จังหวัด จำนวนผู้ป่วย 974 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิตเลย และหากพิจารณาตามอัตราป่วย พบว่า จังหวัดที่มีอัตราป่วยน้อยที่สุดคือ จังหวัดลำพูน คิดเป็นอัตราป่วย 3.21 ต่อประชากรแสนคน ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของอัตราป่วยทั้งประเทศ 10 เท่า          

นายแพทย์วิชัย กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับกรณีศึกษาการควบคุมโรคไข้เลือดออกในพื้นที่ตำบลน้ำดิบ อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ซึ่งเกิดจากการทำงานแบบมีส่วนร่วมของคนในชุมชนและความเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเอง จนเกิดนักวิจัยชุมชนขึ้น และจับมือกันเพื่อร่วมกันสร้าง “หมู่บ้านอยู่ดี มีสุข และปลอดไข้เลือดออก” รวมถึงการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ดำเนินการใน 6 หมู่บ้าน เป็นเวลา 3 ปีมาแล้ว แต่เดิมพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีสถิติการระบาดของโรคไข้เลือดออกสูง และหลังจากการดำเนินงานตามโครงการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายด้วยวิถีพื้นบ้าน การจัดการสิ่งแวดล้อมให้สะอาด การเรียนรู้การสอบสวนโรค และมีการขยายการดูแลสุขภาพจาก อสม. สู่ ชาวบ้าน อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทำให้เกิดเครือข่ายการทำงานที่เข้มแข็ง มีการร่วมมือกันทำงานแบบบูรณาการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และลดการป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกของคนในชุมชนลงจำนวนมาก จนปัจจุบันตั้งแต่ต้นปี 2555 เป็นต้นมา ยังไม่มีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกแม้แต่รายเดียว ซึ่งถือเป็นความสำเร็จของคนในชุมชนตำบลน้ำดิบแห่งนี้ 

“และในโอกาสนี้  ขอเชิญชวนประชาชนปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออกด้วย 5 ป.ปราบยุงลาย (ปิด เปลี่ยน ปล่อย ปรับปรุง และปฏิบัติจนเป็นนิสัย)ได้แก่ ปิดฝาภาชนะกักเก็บน้ำทุกชนิด เปลี่ยนน้ำทุกๆ 7วัน ปล่อยปลากินลูกน้ำในภาชนะกักเก็บน้ำ ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมเพื่อไม่ให้เป็นที่เพาะพันธุ์ของยุง และปฏิบัติตนเองจนเป็นนิสัย ซึ่งจะเน้นความร่วมมือในการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายอย่างต่อเนื่องทั้งในระยะที่เป็นลูกน้ำ ตัวโม่ง และระยะที่เป็นตัวเต็มวัย หากประชาชนสามารถทำตามมาตรการดังกล่าวได้ ก็จะช่วยให้ลดจำนวนผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกลงได้  และถ้ามีข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลฮ็อตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 1422และศูนย์ปฏิบัติการกรมควบคุมโรค โทรศัพท์ 0 2590 3333” นายแพทย์วิชัย กล่าวทิ้งท้าย

แหล่งข่าวโดย » กลุ่มประชาสัมพันธ์และข่าว สนง.เผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมคร. 
[กรกฏาคม ศุกร์ 20,พ.ศ 2555 20:35:36] 
พิมพ์ข่าว

  ลิขสิทธิ์ โดย สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปี พ.ศ.2553 © 2010 |